สมศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเผย เล็งทำ กฎหมาย ให้ ทันสมัย มากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในความช่วยเหลือ ปชช. นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมประจำสัปดาห์ โดยมี ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆ และผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมประชุม
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีการศึกษาตัวอย่างรูปแบบการช่วยเหลือประชาชนมีคดีที่
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ได้นำเสนอมานั้น เป็นคนที่ถูกไฟดูดจากการเปิดหน้าต่าง เพราะบ้านอยู่ติดกับเสาไฟฟ้าแรงสูง ทำให้บาดเจ็บแขนไหม้ 1 ข้างใช้การไม่ได้ จึงมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการไฟฟ้า
เรื่องนี้ตนอยากให้เป็นกรณีศึกษา เพราะยังมีเรื่องในลักษณะแบบนี้อีกหลายเรื่องเราต้องหาทางแก้ไข ถ้าชีวิตท่านทั้งหลายเจอเหตุแบบนี้จะช่วยเหลืออย่างไร หลักในการไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ คือ การสร้างบ้านและการตั้งเสาไฟฟ้าใครสร้างก่อนสร้างหลัง และใครทำผิดเงื่อนไขหรือไม่ ต้องลองศึกษารายละเอียดกันดู อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน เน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบมากขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การทำงานที่ผ่านมาส่วนใหญ่เราเดินตามที่กฎหมายกำหนด แต่เราเป็นหน่วยงานที่สร้างเครื่องมือในการทำงานได้ นั่นคือการร่างและแก้ไขกฎหมาย อะไรที่ติดขัดทำให้การทำงานไม่สะดวกต้องลองมาดูมาแก้กัน ตั้งวงคุยกันเพื่อทำกฎหมายให้เกิดความทันสมัย อะไรที่เก่าเคยปฏิบัติตามมาตลอดไม่เคยแก้ เราอย่าไปกลัวที่แก้ไขให้ดีขึ้น และเราต้องพยายามเข้าถึงและรู้จักชาวบ้านให้มากขึ้นกว่าเดิม กรมไหนหรือหน่วยไหนช่วยกันได้ก็ขอให้ช่วยกันแนะนำ อาจจะสร้างระบบขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดความเสียหายจากหน่วยงานของภาครัฐ เราต้องคิดว่าหากเกิดปัญหาแบบนี้กับญาติพี่น้องของเราจะทำอย่างไร
ในช่วงหลังก็มีอาการแทรกซ้อนในหลายอย่าง จึงต้องเข้ารักษาตัวที่ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (SiPH) ได้ประมาณ 1 เดือน และได้เสียชีวิตลง เมื่อเวลาประมาณ 05:00 น. ของวันนี้ 21/10/64 นำความโศกเศร้าเสียใจ มายังครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติมิตร และมวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่ง
ขอแสดงความเสียใจ และความ ความอาลัยยิ่ง ต่อครอบครัววิชัยกุล และขอให้ดวงวิญญาณของท่าน จงไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ”
ศาลบุรีรัมย์ อนุมัติ หมายจับ มงคลกิตติ์ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ คาดมาจากกรณีกล่าวหา ศักดิ์สยาม ว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดคลัสเตอร์ทองหล่อ ศาลแขวงบุรีรัมย์ อนุมัติหมายจับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ในข้อหากระทำความผิดฐาน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ซึ่งหาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอาจถูกจำคุก 3 ปี
ด่วน! ไพบูลย์ นิติตะวัน รอด ไม่หลุดเก้าอี้ ส.ส.
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ ไพบูลย์ รอด ไม่ถูกตัดสินให้พ้นสภาพ ส.ส. จากกรณีสมัครสมาชิกเข้าพรรค พปชร. หลังจากที่พรรคเก่าเพิ่งสิ้นสภาพเป็นพรรคการเมือง
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนาย ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และ ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฎิรูป จากกรณีที่นาย ไพบูลย์ สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรค มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปอยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และมิได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครเลือกตั้ง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงหรือไม่ โดยศาลเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้
โดยในคำวินิจฉัยระบุว่า การสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูปเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการของข้อบังคับพรรคตามที่กำหนด กรรมการบริหารพรรคมีมติเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป เป็นไปตามข้อบังคับพรรค โดยระบุเหตุผลว่า กรรมการบริหารพรรคหลายคนลาออก และขาดบุคลากรสนับสนุน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบตามกฎหมายพรรคการเมือง ได้ยืนยันสอดคล้องว่ามีการลงมติตามการประชุมดังกล่าวจริง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาแล้วมีมติเอกฉันท์ให้สิ้นสภาพ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงเป็นไปโดยชอบ
ส่วนที่ผู้ร้องร้องว่าผู้ถูกร้องมีเจตนาซ่อนเร้น ศาลเห็นว่าไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง
การสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูปเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการของข้อบังคับพรรคตามที่กำหนด กรรมการบริหารพรรคมีมติเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป เป็นไปตามข้อบังคับพรรค โดยระบุเหตุผลว่า กรรมการบริหารพรรคหลายคนลาออก และขาดบุคลากรสนับสนุน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบตามกฎหมายพรรคการเมือง ได้ยืนยันสอดคล้องว่ามีการลงมติตามการประชุมดังกล่าวจริง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาแล้วมีมติเอกฉันท์ให้สิ้นสภาพ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงเป็นไปโดยชอบ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป