ไม่รอด! ตร. รวบตัว หนุ่มไรเดอร์ ปล้นร้านทองโคราช ได้สำเร็จ

ไม่รอด! ตร. รวบตัว หนุ่มไรเดอร์ ปล้นร้านทองโคราช ได้สำเร็จ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว หนุ่มสวมชุดไรเดอร์ที่ก่อเหตุอุกอาจ ปล้นร้านทองโคราช พร้อมยึดทองมูลหลายล้านบาทคืนได้หมด จากกรณี คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ของแอปฯส่งอาหารแอปหนึ่งบุกปล้นร้านทอง ซึ่งตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ก่อเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา และกวาดทองไปได้ 120 บาท เป็นเงินประมาณกว่า 3,500,000 บาท

โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและชุดป้องกันปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 3 

ที่แกะรอยคนร้ายจากกล้องซีซีทีวี ที่แสดงภาพคนร้ายมุ่งหน้าถนนธนะรัชต์ ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน เช็กประวัติลงทะเบียนไรเดอร์ฟู้ดแพนด้าในพื้นที่อำเภอปากช่อง ที่มีผู้ลงทะเบียนไว้ทั้งหมด

รวมทั้งตรวจสอบผู้ครอบครองอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิกซาวเออร์ ที่พบในที่เกิดเหตุ จึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ คือ ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สภ.ปากช่อง ให้การรับสารภาพ พร้อมนำไปชี้จุดที่ซ่อนทองของกลาง ยึดคืนได้ทั้งหมด

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (2 ก.ย.64) ได้ร่วมประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวโดยชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนทราบตัวผู้ต้องสงสัย และเชิญตัวมาสอบสวน จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่าผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุชิงทองจริง ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ส.ต.ท.ฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.ปากช่อง และได้นำตัวไปชี้จุดที่ซ่อนทอง ซึ่งได้ทองคืนครบจำนวนทีชิงไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป

อัยการสั่งฟ้อง ป้าแต๋น สองข้อหา หลังจากตรวจสอบแล้ว ทำให้เชื่อว่า ป้าแต๋น ร่วมกระทำผิดกับลุงพล ต่อศพน้องชมพู่ อัยการได้พิจารณาคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานและพฤติการณ์ทั้งหลายในสำนวนการสอบสวน เห็นว่า นางสาว สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ได้ร่วมกระทำผิดกับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับของคดีน้องชมพู่

โดยทั้งสองร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพของน้องชมพู่ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตาม ป.วิอาญา ม.150 ผู้ใด กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือ สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่ น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือ ผลทางคดี เปลี่ยนแปลงไป เว้นแต่จำเป็น ต้องกระทำ เพื่อป้องกันอันตรายแก่อนามัยของประชาชน หรือ เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น

ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 10,000 – 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำ โดยทุจริต หรือเพื่ออำพรางคดี ผู้กระทำต้องระวางโทษเป็น 2 เท่า ของโทษที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้น

นอกจากนี้ยังถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่ง บัญญัติว่า “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” โดยให้ส่งเอกสารหลักฐานภายในวันที่ 7 ก.ย. ที่จะถึงนี้

ซ้ำรอยผู้กำกับโจ้ อดีตทหารเรืออ้างเป็น ตร.จับไอซ์ ใช้ ถุงคลุมหัว รีดเงินพ่อค้ายา

เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิจราจร จังหวัดชลบุรี “ทำด้วยศรัทธา อาสาด้วยใจ” ได้เผยแพร่ข้อมูลการจับกุมยาเสพติด โดยระบุว่า เวลา 24.40 น วันที่ 2 กันยายน 2564 ตำรวจสืบสวนจังหวัดชลบุรีจับกุมตัว 1. นายออย (จุฬา) 2.นายโอ (อดีตทหารเรือ) 3 นาย กอล์ฟ (เกาะล้าน) 4 นายบอย(วัดธรรม) ส่วนอีกคนทราบชื่อ นาย แร่(ก่อไฝ่) อยู่ระหว่างหลบหนี

ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจาก ร้อยเวร. สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล ว่ามีชายไทยอ้างตัวเป็นตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชลบุรี จึงประสานงานขอข้อมูลจากร้อยเวรเจ้าของคดีจนทราบว่าเป็นแก้งอดีตทหารเรือ ที่ทางชุดสืบสวน หรือชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชลบุรีที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ให้มาคอยใช้งานในเซฟ ของชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชลบุรี ที่เช่าที่อยู่ย่าน แยกมิตรกมล ในซอยสนามกอล์ฟ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแก๊งอ้างตัวเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดจังหวัดชลบุรีเข้าไปจับกุมตัวหญิงไทย 2 ราย อายุ ประมาณ 25-28 ปี เป็นยาไอซ์ จำนวนหนึ่งในซอย.3 จอมเทียน ขึ้นกระบะ 4 ประตูก่อนจะใช้ ถุงดำคลุมศีรษะไปที่เซฟ ก่อนจะทำการขังในกรงสังกะสี แล้วเรียกเงิน 5 หมื่นบาท ต่อรองจบ 8 พันบาท ก่อนจะปล่อยตัววันที่ 31 สค.64 เวลา 19.00 น.

หลังชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ทราบข้อมูลจึงนำกำลังเข้าควบคุมตัว โดยยังหลบหนี 1 คน อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่นายตำรวจผู้ประสานงานรัฐสภา) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ทราบเรื่อง จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ธนาวุฒิ จงจิระ รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี รรท. ผกก.สภ.เมืองพัทยา ให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ประสานงานชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบ ขยายผลว่ามีตำรวจจริงรวมด้วยหรือไม่ พร้อมสั่งล่าตัวที่ยังหลบหนีอยู่ นำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป