กรมทางหลวงชนบท เปิดใช้ ‘สะพานข้ามลำชี’ เชื่อมจังหวัดสุรินทร์ – บุรีรัมย์

กรมทางหลวงชนบท เปิดใช้ ‘สะพานข้ามลำชี’ เชื่อมจังหวัดสุรินทร์ – บุรีรัมย์

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม เปิดใช้ สะพานข้ามลำชี (สะพานท่าสว่าง ชุมแสง) เชื่อมจังหวัดสุรินทร์ – บุรีรัมย์ ร่นระยะทาง 21 กิโลเมตร (27 ม.ค. 2565) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ดำเนินโครงการก่อสร้าง สะพานข้ามลำชี (สะพานท่าสว่าง ชุมแสง) ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เสร็จสมบูรณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ส่งเสริมการคมนาคมขนส่งให้ขยายตัวอย่างมีระบบ เชื่อมโยงระหว่าง อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านได้อย่างทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็วปลอดภัย ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า 

องค์การบริหารส่วนตำบลท่าสว่างได้ขอรับการสนับสนุนโครงการก่อสร้างสะพานข้ามลำชี ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเชื่อมระหว่างบ้านโคกเพชร ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ กับบ้านหัวช้าง ตำบลชุมแสง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการทดแทนสะพานไม้เดิมที่พังเสียหายไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนและความไม่สะดวกในการเดินทาง

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ ลดระยะเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและขนส่งพืชผลทางการเกษตร เนื่องจากสะพานดังกล่าวสามารถร่นระยะทางได้ประมาณ 21 กิโลเมตร ทช. จึงได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามลำชี (สะพานท่าสว่าง ชุมแสง)

โดยก่อสร้างเป็นผิวจราจรแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 290 เมตร ผิวจราจรกว้าง 9 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีตต่อเชื่อมทั้งสองด้าน ผิวจราจรกว้าง 7 เมตร มีทางเท้า ติดตั้งป้ายจราจร ตีเส้นผิวจราจร วางท่อ และปลูกหญ้า ซึ่งปัจจุบันสะพานดังกล่าวได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรเรียบร้อยแล้ว โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 93.016 ล้านบาท

หมอยง เผยผลวิจัยเปิดพบว่าฉีด โมเดอร์นา กระตุ้นเข็มสาม หลังฉีดวัคซีนเชื้อตายสองเข็ม ต้านโควิด ‘โอมิครอน’ ดีสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้ความรู้เกี่ยวกับฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม หลังจากที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายมาสองเข็มแล้ว

โดยข้อความระบุว่า “ผลของการกระตุ้นเข็ม 3 หลัง ได้รับวัคซีนเชื้อตาย ซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็มเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน กลุ่มละประมาณ 60 คน (ก่อนหน้านี้เคยนำเสนอระยะห่าง 3 เดือนมาแล้ว) เป็นงานวิจัยทางคลินิก โดยดูผลการตอบสนองภูมิต้านทานต่อสายพันธุ์ เดลตา และ โอมิครอน โดยทำการศึกษาด้วยวิธีการคล้ายไวรัสเทียม และ ต่อไวรัสจริงสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน ที่แยกได้ในประเทศไทย โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร. ฐนียา ดวงจินดา หน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นผู้ทำ FRNT ให้ ซึ่งจะได้ข้อมูลที่ตอบสนองได้ดีกว่า และน่าเชื่อถือมากกว่าไวรัสเทียม

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายมาแล้ว 2 เข็ม เมื่อกระตุ้นด้วยเชื้อตายอีก 1 ครั้ง ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น ที่ตอบสนองต่อสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน ทั้งไวรัสจริงและไวรัสเทียม สู้การให้วัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ (แอสตราเซเนกา) หรือ mRNA ไม่ได้ และในการกระตุ้นด้วย mRNA วัคซีนโมเดอร์นา ตอบสนองภูมิต้านทานต่อสายพันธุ์โอมิครอน ได้ดีที่สุด สูงกว่าการกระตุ้นด้วยวัคซีนเชื้อตายถึง 22 เท่า

โดยสรุปแล้วการกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยไวรัสเวกเตอร์ (แอสตราเซเนกา) mRNA (ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา) ได้ผลดี ต่อสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน และขณะนี้ก็ใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติสำหรับประเทศไทยอยู่แล้ว

ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ ได้ส่งไป เพื่อเผยแพร่ในวารสารนานาชาติ และจะส่งเผยแพร่แบบ preprint MedRxiv วันนี้”

ลูกค้าตอบแล้ว! นำแมวออกจาก ‘คาเฟ่แมว’ เพราะเห็นไอ กลัวแมวไม่สบาย

เจ้าของ คาเฟ่แมว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีที่ ลูกค้าได้นำเตะแมว และอุ้มแมวออกจากร้าน เพราะเห็นแมวไอ กลัวไม่สบาย เจ้าของคาเฟ่รับ เสียความรู้สึกอย่างมาก จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของคาเฟ่แมวได้โพสต์คลิปของลูกค้าคนหนึ่งที่ใช้เท้าเตะ ใช้เมนูเขี่ยแมว รวมถึงอุ้มแมวออกจากร้าน และ กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุดเจ้าของคาเฟ่แมวได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช่านี้ว่า ลูกค้าได้บอกกับตนในภายหลังว่า า แมวมีอาการไอ ลูกค้ารู้สึกว่าแมวอาจอยู่ห้องแอร์ไม่ได้ จึงจับไปปล่อยด้านนอก

โดยเจ้าของกล่าวว่า “การนำแมวออกไปปล่อยด้านนอกทำให้ทางร้านเสียความรู้สึกอย่างมาก แมวไม่เคยอยู่นอกร้านเลย ไม่เคยวิ่งเล่นหน้าร้านเลย

แม้กระทั่งจะเปิดประตูให้แมวก็ไม่ออก แต่ลูกค้าเพียงแค่บอกว่ามันเป็นความหวังดีที่เขานำแมวในร้านผมออกไปข้างนอกเพราะแมวอยู่ในห้องแอร์นานๆ ไม่ได้ กลัวแมวไม่สบาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระซิบบอกอะไรคนในร้านเลย ถ้าบอกคนที่ร้านก็จะเก็บแมวให้ทันที

“อยากจะฝากว่าถ้าท่านไม่ชอบแมว ไม่ชอบสถานที่นั้นๆ ที่ท่านไป ท่านควรศึษาให้ดีก่อนว่าที่นี่มีอะไร”

ทั้งนี้ลูกค้าคนดังกล่าวไม่ได้ให้สัมภาษณ์สาเหตุถึงที่เขาใช้เท้าเตะและเมนูอาหารดันแมวแต่อย่างใด