คอหนังในประเทศ จีน ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจ หลังกองเซนเซอร์ในประเทศจีน เปลี่ยนตอนจบ ไฟท์คลับ เพราะผิดหลักการประเทศ เมื่อวันที่ 26 มกราคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า คอหนังในประเทศจีนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลังจากทางการจีนเปลี่ยนตอนจบของภาพยนตร์ “ไฟท์คลับ” หรือ ดิบดวลดิบ ภาพยนตร์ในปี 2542 ที่ถูกำกับโดย เดวิด ฟินเชอร์
โดยการดัดแปลงตอนจบนี้ เกิดขึ้นบนช่องทางสตรีมมิงหนัง เทนเซนต์ วิดีโอ
ซึ่งเป็นช่องทางฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่ของประเทศจีน โดยแทนที่เป็นตอนจบปกติของหนัง ทางการจีนได้เปลี่ยนเป็นจอสีดำที่เป็นข้อความระบุว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าใจแผนการและจับกุมอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ได้ทั้งหมด และยังสามารถกู้ระเบิดได้ทัน ซึ่งหลังจากศาลตัดสิน ไทเลอร์ (ตัวเอกของเรื่อง) ถูกส่งไปยังสถานบำบัดอาการทางจิต และได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาลในปี 2555”
ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะว่าตอนจบดั้งเดิมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อกองเซนเซอร์ของประเทศจีน
ทั้งนี้ชาวเน็ตในประเทศจีนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นอย่างมาก พร้อมชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงตอนจบเป็นการทำลายความสนุกของหนังเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัดว่าภาพยนตร์ดังกล่าวถูกดัดแปลงเมื่อไหร่ ทั้งนี้การดัดแปลงภาพยนตร์ในประเทศจีน เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากประเทศจีนมีมาตรการเซนเซอร์ภาพยนตร์ที่เคร่งครัด
นายกฯอังกฤษ ส่องานเข้า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเดินหน้าสอบสวนกรณีที่ตนจัด งานเลี้ยง ช่วงล็อกดาวน์ เมื่อวันที่ 26 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเดินหน้าสอบ งานเลี้ยงที่ถูกจัดที่ทำเนียบนายกฯ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2563 ซึ่งงานเลี้ยงครั้งนั้นมี นาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเข้าร่วมด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบว่า งานเลี้ยงดังกล่าวละเมิดมาตรการโควิดหรือไม่
โดยงานเลี้ยงดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ทางการอังกฤษประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ในขณะนั้นยอดผู้ป่วยเพิ่มสูงต่อเนื่อง ซึ่งจากรายงานถึงงานเลี้ยงดังกล่าวทำให้นาย จอห์นสัน ต้องเผชิญกับการกดดันให้ลาออกอย่างต่อเนื่อง
ด้านนาย จอห์นสัน ได้กล่าวขอโทษระหว่างประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ และยอมรับว่าตนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวจริง ทั้งนี้เขาอ้างว่าเขาร่วมงานแค่ 25 นาทีเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าการจัดงานดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการโควิด พร้อมยืนกรานว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง เช่นเดียวกันกับโฆษกของนายจอห์นสัน ที่ระบุว่า เขาไม่คิดว่านายกฯทำผิดกฏหมายแต่อย่างใด
สาว บริจาคไตให้แฟน สุดท้ายโดนแฟนทิ้ง เสียทั้งแฟน เสียทั้งไต
หญิงคนหนึ่งออกมาแบ่งปันประสบการณ์สุดแปลก หลังจากที่เธอ บริจาคไตให้แฟน ผลปรากฏแฟนทิ้ง เสียทั้งแฟน เสียทั้งไต เมื่อวันที่ 22 มกราคม สำนักข่าว นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า โคลีน ได้โพสต์วิดีโอลง TikTok เล่าประสบการณ์สุดแปลกของเธอ ว่าแฟนของเธอป่วยไตเรื้อรังมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งหมายความว่าเขาจำเป็นต้องเข้ารับการฟอกเลือดเป็นประจำ และไตของเขาทำงานเพียงแค่ร้อยละ 5 เท่านั้น
ซึ่งโคลีนได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการบริจาคไตของเธอเพื่อช่วยให้แฟนหนุ่มของเธอได้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ เธอเล่าว่าสาเหตุที่เธอตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเธอไม่อยากให้แฟนของเธอตาย โชคดีการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี อย่างไรก็ตามเรื่องไม่ได้จบลงแค่นี้ เพราะว่าแฟนหนุ่มของเธอสามารถภาพว่า เขาแอบนอกใจเธอ แม้ว่าทั้งสองจะมีปากเสียงกัน โคลีนได้ให้อภัยแฟนของเธอ จนกระทั้งอีก 3 เดือนถัดมา แฟนหนุ่มได้บอกเลิกเธอผ่านทางโทรศัพท์ พร้อมกับบอกว่า “ถ้าหากเราเกิดมาคู่กัน พระเจ้าจะพาเรากลับมาเจอกัน”
โคลีนได้ปิดท้ายเรื่องราวของเธอว่า แฟนเก่าได้บอกเธอว่าสาเหตุที่ เธอบริจาคไตกับตน ก็เพราะว่าโคลีนอยากดูเป็นคนดีก็แค่นั้น หลังจากคลิปดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็ออกมาให้กำลังใจหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก
กลายเป็นภาพไวรัล หลังจากที่สองหนุ่มที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุ รถชน กับเสาไฟ จนสภาพรถยับเยิน นั่งเล่นมือถือ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้ใช้ยูทูปรายหนึ่งได้โพสต์คลิปอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น บนถนนป็อกหยิน เขตไทโป ฮ่องกง เมื่อเวลา 11.16 น. ของวันเสาร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งจากภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพวินาทีที่ รถสปอร์ตสีดำเสียหลัก ก่อนที่รถจะเกยเกาะกลางถนน และชนเข้ากับเสาไฟ ส่งผลให้รถหมุน และได้รับความเสียหายอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามเคราะห์ดีคนขับและผู้โดยสารไม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ และไม่มีผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุไม่มีรถยนต์คันอื่นขับมาใกล้ หรือ มีประชาชนเดินสัญจรข้างถนน ทั้งนี้ทั้งสองถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล เนื่องจากผู้โดยสารระบุว่าเขารู้สึกเจ็บอก
แม้ว่าอุบัติเหตุนี้จะดูรุนแรง แต่สิ่งที่เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก คือภาพของผู้โดยสารและคนขับที่หยิบมือถือกันมาเล่นอย่างสบายอารมณ์ แม้ว่าทั้งสองจะเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาก็ตาม
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป